เคยไหมครับที่เพื่อนมาปรึกษาปัญหา แต่เราดันเผลอตัดสินเขาไปซะแล้ว หรือบางครั้งเราก็อยากจะช่วย แต่กลับไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้เขาเปิดใจ บทความนี้จะมาแบ่งปัน 6 วิธี รับฟัง อย่างเข้าใจโดยไม่ตัดสิน เพื่อให้คุณเป็นคนรับฟังที่ดีที่สุดของใครสักคน รับรองว่าทำได้ไม่ยากเลยครับ
วางความเห็นส่วนตัวไว้ข้างๆ
ก่อนที่เราจะรับฟังใครสักคน สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ วางกระเป๋าที่เต็มไปด้วยความคิดเห็น การตัดสิน และประสบการณ์ส่วนตัวของเราไว้ก่อน ลองนึกภาพว่าคุณกำลังนั่งลงเพื่อดูหนังเรื่องใหม่ คุณคงไม่เอาบทสรุปจากหนังเรื่องเก่ามาตัดสินหนังเรื่องใหม่ใช่ไหมครับ
เช่นเดียวกัน การรับฟังอย่างเข้าใจก็คือการที่เรายอมให้เรื่องราวของคนอื่นดำเนินไปในแบบของเขาเองโดยไม่มีอคติ เราต้องฟังด้วยใจที่ว่างเปล่า ไม่ต้องรีบตัดสินว่า เรื่องนี้มันก็เหมือนกับที่ฉันเจอเลย หรือ ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นนะ การทำแบบนี้จะทำให้คนพูดรู้สึกปลอดภัยและกล้าที่จะเปิดเผยเรื่องราวของตัวเองมากขึ้นครับ
ใช้ภาษากาย เพื่อแสดงความใส่ใจ
ภาษากายมีพลังมากกว่าที่คุณคิดครับ การหันหน้าเข้าหาคนพูด สบตาเป็นระยะ พยักหน้าเบาๆ หรือการเอียงตัวเล็กน้อยเพื่อแสดงว่าเรากำลังตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง และที่สำคัญคือ เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าไปเลยครับ การที่เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กตอนที่เขากำลังพูด เหมือนเป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่า เรื่องของเธอสำคัญน้อยกว่าเรื่องในมือถือฉันนะ ซึ่งจะทำให้คนพูดรู้สึกว่าเขาไม่สำคัญและอาจจะปิดใจไปเลยครับ
ถามคำถามปลายเปิดให้เขาได้เล่าอย่างเต็มที่
แทนที่จะถามคำถามที่ได้คำตอบแค่ใช่หรือไม่ใช่ ลองเปลี่ยนมาใช้คำถามปลายเปิดแทนครับ เช่น แทนที่จะถามว่า คุณเครียดมากใช่ไหม ลองเปลี่ยนเป็น เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้คุณรู้สึกยังไงบ้าง หรือ มีอะไรอีกไหมที่อยากเล่าให้ฟัง คำถามปลายเปิดจะเปิดโอกาสให้คนพูดได้เล่าเรื่องราวของตัวเองอย่างลึกซึ้งและละเอียดมากขึ้น และทำให้เรารับรู้ถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในของเขาได้อย่างแท้จริงครับ
สะท้อนความรู้สึกกลับไปให้คนพูดรับรู้
เมื่อเขาเล่าเรื่องราวมาแล้ว ลองสะท้อนความรู้สึกของเขา กลับไปให้เขาฟังบ้างครับ เช่น ฟังดูแล้วเหมือนคุณกำลังรู้สึกสับสนกับเรื่องนี้อยู่เลย หรือ ฉันเข้าใจนะว่ามันคงน่าผิดหวังมาก การทำแบบนี้จะทำให้คนพูดรู้สึกว่า มีคนเข้าใจฉัน และจะช่วยยืนยันว่าเรากำลังตั้งใจฟังและพยายามทำความเข้าใจเขาอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการ รับฟัง อย่างเข้าใจโดยไม่ตัดสินครับ
ห้ามให้คำแนะนำทันที
ผมเข้าใจครับว่าเราอยากจะช่วย แต่การรีบให้คำแนะนำตั้งแต่ต้นอาจจะทำให้คนพูดรู้สึกว่าเรากำลังพยายามจะแก้ปัญหาแทนเขาอยู่ การรับฟังอย่างเข้าใจคือการให้พื้นที่เขาได้ระบายความรู้สึกก่อน จำไว้ว่าบางครั้งคนเราแค่อยากจะระบายออกมาเฉยๆ ไม่ได้อยากได้คำแนะนำครับ รอจนกว่าเขาจะพูดจนจบ หรือจนกว่าเขาจะถามว่า แล้วฉันควรทำยังไงดี เมื่อนั้นเราค่อยให้คำแนะนำอย่างระมัดระวังและเป็นกลางที่สุดครับ
แสดงความเห็นใจ ไม่ใช่ความเห็นอกเห็นใจ
สองคำนี้ต่างกันนิดหน่อยแต่สำคัญมากครับ Sympathy คือความรู้สึกสงสารหรือเห็นอกเห็นใจคนอื่นจากมุมมองของเราเอง เช่น ฉันรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอจัง ในขณะที่ Empathy คือความสามารถในการเข้าใจและรู้สึกในสิ่งเดียวกับที่คนอื่นกำลังรู้สึกอยู่ เช่น ฉันเข้าใจเลยว่ามันคงเจ็บปวดมากแค่ไหน การแสดงความเห็นใจ (Empathy) จะทำให้คนพูดรู้สึกว่าเขามีเพื่อนร่วมทางที่เข้าใจความรู้สึกของเขาอย่างแท้จริง และนี่คือหัวใจสำคัญของการรับฟังอย่างเข้าใจโดยไม่ตัดสินครับ
สรุป
การเป็นคน รับฟัง ที่ดีไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ แค่เราเปิดใจและพร้อมที่จะให้พื้นที่กับคนที่เราคุยด้วยอย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าถ้าเราลองนำ 6 วิธีนี้ไปปรับใช้ จะช่วยให้คุณเป็นคนรับฟังที่ยอดเยี่ยมและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างได้อย่างแน่นอนครับ แล้วคุณล่ะครับ มีวิธีรับฟังแบบไหนที่อยากแชร์ให้เพื่อนๆ ฟังบ้างไหมครับ ลองคอมเมนต์มาคุยกันนะครับ 😊